๑๙. อายาจิตภัตตชาดก (ว่าด้วยการเปลื้องตน )

          พระพุทธองค์ ได้ทรงปรารภการเซ่นสรวงเทพยดาให้เป็นต้นเหตุ มีเรื่องราวว่า ในคราวนั้น  พ่อค้าทั้งหลายเมื่อจะพากันไปค้าขาย ได้ฆ่าสัตว์บวงสรวงเพยดาว่าขอให้พวกข้าพเจ้าไปดีมาดีอย่ามีภัย ครั้นไปค้าขายกลับมาโดยสวัสดีแล้วก็เข้าใจว่าเป็นด้วยอานุภาพเทพยดา จึงพร้อมกันฆ่าสัตว์เพื่อจะไปแก้บน เมื่อภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้น จึงพร้อมกันไปกราบทูลถามสมเด็จพระทศพลว่า คนเหล่านั้นจะได้ประโยชน์เป็นประการใด พระองค์จึงตรัสตอบว่า ประโยชน์อันใดจะได้มีแก่พวกนั้นหามิได้ แล้วพระองค์ได้ทรงแสดงเรื่องอดีตว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอดีตกาลล่วงแล้วมา มีกุฎุมพีผู้หนึ่งอยู่ในแขวงกรุงพาราณสี ได้บนเทพยดาที่สิงอยู่บนต้นไทรใกล้ประตูบ้านของตนว่า ข้าพเจ้าจะมีที่ไปขออย่าให้ข้าพเจ้ามีภัยอันตรายสิ่งไดจนกลับมา ถ้าได้สมปรารถนาแล้วข้าพเจ้าจะฆ่าสัตว์มาบวงสรวงท่าน ครั้นกุฎุมพีนั้นได้สมปรารถนาแล้วก็ไปที่โคนต้นไทร ด้วยตั้งใจจะฆ่าสัตว์บวงสรวงเทพยดานั้นเพื่อให้พ้นจากความบนบาน ฝ่ายเทพยดาที่สิงอยู่ฑี่ต้นไทรนั้นก็แสดงกายให้ปรากฏ แล้วแสดงธรรมด้วยพระคาถาว่า 

สเจ  มุญฺเจ  เปจฺจ  มุญฺเจ       มุจฺจมาโน  หิ  พชฺฌสิ

น  เหวํ  ธีรา  มุจฺจนฺติ                    มุตฺติ   พาลสฺส  พนฺธนนฺติ

          แปลว่า ถ้าบุคคลจะเปลื้องตนให้พ้นจากปฏิญาณ จงละบาปกรรมมีการฆ่าสัตว์เป็นต้นเสีย เมื่อละไปจากโลกนี้แล้วจึงจะพ้นจากทุกข์ในโลกหน้า เมื่อบุคคลเปลื้องตนอยู่ด้วยการฆ่าสัตว์ดังนี้ กกลับจะติดหนักเข้าทุกที ผู้มีปัญญาหาได้เปลื้องตนด้วยอาการอย่างนี้ไม่ การเปลื้องตนด้วยอาการอย่างนี้ เป็นคติของคนพาล ดังนี้ คำสอนของเทพยดาดังที่แปลมาแล้วนี้ ทำให้คนทั้งหลายละบาปบำเพ็ญกุศลอยู่สิ้นกาลนาน

          ครั้นแล้วสมเด็จพระบรมศาสดาจึงทรงประชุมชาดกว่า พฤกษเทวดาในครั้งนั้น คือเราตถาคตในบัดนี้ ในชาดกนี้ชี้ให้เห็นว่า การฆ่าสัตว์บวงสรวงเทพยดาย่อมไม่มีคุณานุคุณ บุญกุศลผลความชอบแก่ผู้ประกอบแม้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดมีแต่จะกลับให้โทษแก่ผู้ประกอบฝ่ายเดียว โดยเหตุนี้ ผู้มีปัญญาทั้งหลายจึงไม่นิยมการเซ่นสรวงบูชา ซึ่งเทพยดาอารักษ์ด้วยการฆ่าสัตว์ทำพลีกรรม ถึงจะพลีกรรมแก่เทพยดาอารักษ์ก็ทำด้วยวิธีอื่น เป็นต้นว่าถวายทานแก่ภิกษุสามเณรแล้วอุทิศส่วนบุญกุศลไปได้ให้ อันจัดเป็นเทวตาพลีซึ่งหาโทษมิได้ เป็นการบวงสรวง     เทพยดาที่ถูกต้องตามคำสั่งสอนแห่งสมเด็จพระชินวรสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนอย่างพุทธศาสนิกชนบางคนได้ทำในประเทศของเรานี้เป็นตัวอย่าง  ดังนี้

“ ถ้าท่านปรารถนาจะเปลื้องตนให้พ้น ท่านละโลกนี้

ไปแล้ ก็จะพ้นได้ ก็ท่านเปลื้องตนอยู่อย่างนี้ กลับจะ

ติดหนักเข้า เพราะนักปราชญ์หาได้เปลื้องตนด้วยอาการ

อย่างนี้ไม่ การเปลื้องตนอย่างนี้ เป็นเครื่องติดของคนพาล.”

อายาจิตภัตตชาดกจบ.