พระบรมศาสดา ทรงปรารภสตรีคนหนึ่งซึ่งเล้าโลมให้ภิกษุรูปหนึ่งให้เกิดความรักใคร่พอใจจนถึงกับภิกษุรูปนั้นตกลงใจลาสิกขาบทพระพุทธองค์ได้มี พุทธฎีกาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธออย่าหลงรักสตรีนั้นเลย เพราะเธอได้ถูกฆ่าในเวลาสตรีนั้นแต่งงาน ตั้งแต่เมื่อในอดีตกาลมาแล้ว แล้วทรงแสดงเรื่องอดีตว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตผ่านสมบัติอยู่ในกรุง พาราณสี อันล่วงมานานแล้ว มีสุกรตัวหนึ่งที่เขาเลี้ยงไว้ในตระกูลแห่งหนึ่งตั้งแต่สุกรนั้นยังเล็กจนเติบใหญ่ เขาได้ฆ่าสุกรตัวนั้นเลี้ยงแขกในเวลาแต่งงานบุตรของเขา แต่เวลาที่เขายังไม่ฆ่านั้น เขาเลี้ยงดูด้วยข้าวสุกและขนมสดให้อิ่มหนำสำราญอยู่เสมอ และในตระกูลนั้นมีโคพี่น้องอยู่ ๒ ตัวสำหรับใช้ลากเกวียนและทำนา เมื่อโคตัวน้องได้เห็นเขาเลี้ยงสุกรนั้นให้อิ่มหนำสำราญด้วยอาหารอันโอชารสหลายประการ ก็เกิดริษยาว่า เราทั้งสองซึ่งเป็นกำลังทำการงานอยู่ในตระกูลนี้ กลับไม่ได้รับเลี้ยงดูเหมือนอย่างสุกรตัวนี้โคตัวพี่ชายจึงสอนน้องว่า
มา มุณิกสฺส ปิหยิ อาตุรนฺนานิ ภญฺชติ
อปฺโปสฺสุกฺโก ภิสิงฺขาท เอตํ ทีฆายุลกฺขนฺติ
แปลว่า เจ้าอย่าริษยาสุกรชื่อมุณิกะเลย สุกรมุณิกะนั้นย่อมกินของที่จะต้องทำให้เดือดร้อนในภายหลัง เจ้าจงยับยั้งอดทนกินแต่แกลบไปก่อนเถิด เพราะการไม่เห็นแก่ปากแก่ท้องนี้เป็นของประเสริฐทำให้มีอายุยืน ดังนี้ ในเวลาจบเทศนาลงภิกษุรูปนั้นก็ได้สำเร็จโสดาปัตติผล แล้วทรงประชุมชาดกว่า สุกรในครั้งนั้นได้มาเกิดเป็นภิกษุรูปนั้น บุตรของตระกูลนั้น ได้มาเกิดเป็นสตรีคนนี้ โคตัวน้องที่ริษยาสุกรนั้น ได้มาเกิดเป็นอานนท์ ส่วนโคตัวพี่ได้มาเกิดเป็นเราตถาคตในบัดนี้
“ท่านอย่าได้ริษยาหมุมุณิกะเลย มันกินอาหารอัน
เป็นเหตุให้เดือดร้อน ท่านจงเป็นผู้มีความขวนขวาย
น้อย กินแต่แกลบเถิด นี่เป็นลักษณะแห่งความเป็นผู้มีอายุยืน.”
มุณิกชาดกจบ จบกุรุงควรรค.