ในชาดกนี้ก็มีอุบาสกซึ่งมีภรรยานอกใจเหมือนกับชาดกที่แล้ว จึงนำอุทาหรณ์ในอดีตมาแสดงว่า ดูก่อนอุบาสก ในสมัยพระเจ้าพรหมทัตครองสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี อันมีมาแล้วในอดีตกาลนั้น มีภรรยาของศิษย์แห่งทิศาปาโมกข์คนหนึ่งได้ประพฤติ นอกใจสามี เมื่อสามีรู้เห็นก็เกิดความโกรธเคืองในภรรยาเป็นอันมากจนไม่ไปหาอาจารย์ถึง ๗ วัน ครั้นต่อมาวันหลังได้ไปเล่าให้อาจารย์ฟังอาจารย์จึงสั่งสอนว่า
ยถา นที จ ปนฺโถ จ ปานาคารํ สภา ปปา
เอวํ โลกิตฺถิโย นาม นาสํ กุชฺฌนฺติ ปณฺฑิตาติ
แปลว่า แม่น้ำ หนทาง โรงสุรา ศาลาที่ประชุม บ่อน้ำ ทั้ง ๕ อย่างนี้ย่อมทั่วไปแก่ฝูงชนฉันใดสตรีทั้งหลายในโลกนี้ก็ฉันนั้น นักปราชญ์ผู้มีปัญญาย่อมไม่โกรธแก่สตรีเหล่านั้น ดังนี้
เมื่อศิษย์ได้ฟังโอวาทดังนี้ ก็หายความโกรธเคืองภรรยา มีใจเพิกเฉยในภรรยาต่อไป ฝ่ายภรรยาก็เข้าใจว่าทิศาปาโมกข์อาจารย์ชี้แจงความประพฤติอนาจารของตนให้แก่สามีของเราทราบ แล้วตั้งแต่นั้นมานางก็เลิกละการประพฤติอนาจารนั้นเสีย เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องอดีตอย่างนี้แล้ว ทรงประชุม ชาดกว่า ศิษย์แห่งทิศาปาโมกข์อาจารย์กับภรรยาในครั้งนั้น ได้มาเกิดเป็นอุบาสกกับภรรยาในบัดนี้ ส่วนทิศาปาโมกข์อาจารย์นั้น คือเราตถาคตนี้แล ดังนี้
ในชาดกทั้ง ๕ ที่แสดงมาแล้วนี้ล้วนเป็นชาดกที่ยกหญิงจำพวกเลวทรามขึ้นแสดงทั้งนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายจงเข้าใจเถิดว่า ไม่ใช่หมายหญิงธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับหญิงเลวทรามเกิดขึ้นในปัจจุบัน แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงยกเอาเรื่องหญิงเลวทรามในอดีตมาแสดง เพื่อให้เรื่องแจ่มแจ้งแก่เวไนยนิกรทั้งหลาย ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับหญิงที่ดี พระองค์ก็ทรงยกเรื่องหญิงดีในอดีตขึ้นทรงแสดงเหมือนกัน การที่พระองค์ทรงยกเรื่องหญิงเลวขึ้นแสดงนั้นก็เพื่อประสงค์จะสั่งสอนหญิงทั้งหลายเหล่าอื่นมิให้ประพฤติตามเยี่ยงอย่างเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าพระพุทธองค์จะทรงมุ่งติเตียนหญิงทั้งหลาย ฉะนั้น ขอท่านทั้งหลายผู้สดับจงจับใจความอันนี้ไว้ อย่าได้ข้องใจในธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงมุ่งหวังซึ่งประโยชน์สุขแก่เวไนยสัตว์ทุกถ้วนหน้าเป็นนิจกาล ดังนี้
“แม่น้ำ หนทาง โรงสุรา สภา และบ่อน้ำ ฉันใด ขึ้นชื่อว่าหญิง
ในโลก ก็ฉันนั้น บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่โกรธหญิงเหล่านั้น.”
อนภิรติชาดกจบ.