ถามตอบเรื่องผีว่ามีจริงหรือไม่ ?

 

ปัญหาเรื่องผีผี

(ถาม) ผีมีจริงหรือไม่ พระพุทธเจ้าเคยตรัสเรื่องผีมีหรือไม่ เอาอะไรดู ?

(ตอบ) ผี มีอยู่จริงและมีอยู่ในชีวิตของคนบาปที่ยังไม่ตายนี่เอง ไม่ใช่ว่าผีอยู่ที่คนตาย แต่ว่าคนตายหรือซากศพเป็นเพียงปัจจัยที่มาร่วมกับเหตุในจิตวิญญานของคนชั่วหรือคนบาปเท่านั้น โปรดไปดูพุทธพจน์

(ผี) พจนานุกรมภาษาไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ นิยามคำไว้ว่า “ผี” สิ่งทีมนุษย์เชื่อว่า เป็นสภาพลึกลับมองไม่เห็นตัว แต่อาจจะปรากฎเหมือนมีตัวตนให้เห็นได้ อาจให้โทษหรือคุณ มีทั้งดีและร้าย

ข้อสังเกตที่มนุษย์ทั่วๆไปเชื่อ =

๑. เป็นสภาพลึกลับมองไม่เห็นตัว : คือ จิตวิญญาณของคนบาปเป็นสิ่งลึกลับมองไม่เห็นตัว นี้จริง

๒. แต่อาจจะปรากฎเหมือนมีตัวตนให้เห็นได้ : คือ รูปร่างตัวตนของคนบาปที่ผีอาศัยอยู่มองเห็นได้ นี้จริง

๓. อาจให้โทษก็ได้หรือให้คุณก็ได้ : คือ ให้โทษแก่คนผู้มิใช่หมู่พวกตน และให้คุณแก่คนผู้เป็นหมู่พวกตน

๔. จัดว่ามีทั้งผีดีและร้าย : คือ ดีต่อหมู่พวกเดียวกับตนและร้ายแก่ผู้มิใช่หมู่พวกตน

ความจริงนั้น คือ สิ่งที่เป็นผีนั้นลึกลับจริง มองดูด้วยตาเนื้อ (มังสจักษุ) ไม่สามารถมองเห็นได้ นี้เป็นความจริง แต่สิ่งที่ผีอาศัยอยู่ด้วยนั้น มีตัวตนปรากฎให้ตาเนื้อมองเห็นได้ นี้มีจริง และตัวตนที่ผีอาศัยอยู่นั้นให้โทษแก่ใครๆก็ได้หรือว่าให้คุณแก่ใครๆก็ได้เช่นกัน จัดว่ามีทั้งผีดีและร้ายความเห็นนี้ไม่ผิด เพราะพุทธศาสนา (คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ในพระไตรปิฎก) มีอยู่จริง !!

สรุปลง” คือ รูปร่างคนบาปผู้ยังมีชีวิตอยู่ เป็นสิ่งที่ผีอาศัยอยู่นี้มีตัวตนที่ปรากฎให้เห็นด้วยตาเนื้อนี้มีจริง แต่ว่าจิตใจหรือวิญญาณที่เกิดๆดับๆอยู่ในตัวตนของคนบาปนั้น เป็นสิ่งที่ลึกลับมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ นี้ก็มีจริง และถ้าใครเป็นหมู่พวกเดียวกับตนแล้วก็ทำคุณให้เขาได้ แต่ถ้าใครไม่ใช่หมู่พวกเดียวกับตนแล้ว ย่อมแสดงความเป็นศัตรูให้โทษเขาได้ นี้ก็เป็นความจริง

สุตตันตปิฎกภาษาไทยฉบับหลวง เล่ม ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ข้อ ๕๓ ในสูตรชื่อว่า สังวาสสูตรที ๑ มีอยู่ว่า สมัยที่พระผู้มีพระภาคประทับนั่งที่โคนไม้แห่งหนึ่ง ในระหว่างเมืองมธุราและเมืองเวรัญชาต่อกัน พระองค์ได้ตรัสพุทธพจน์นี้กะคหบดีและคหปตานีทั้งหลายว่า ดูกรคหบดีและคหปตานีทั้งหลาย ! สังวาสา หรือการอยู่ร่วม ๔ ประการ คือ:-

๑. ฉโว ฉวาย สทฺธึ สํวสติ. คือ ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผี (ชายบาปอยู่ร่วมกับหญิงบาป)

๒. ฉโว เทวิยา สทฺธึ สํวสติ. คือ ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา (ชายบาปอยู่ร่วมกับหญิงบุญ)

๓. เทโว ฉวาย สทฺธึ สํวสติ. คือ ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผี (ชายบุญอยู่ร่วมกับหญิงบาป)

๔. เทโว เทวิยา สทฺธึ สํวสติ. คือ ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา (ชายบุญอยู่ร่วมกับหญิงบุญ)

ท่านขยายความต่อไป =

๑. ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผีนั้น คือ สามีของคนบางคนในโลกนี้

(๑) เป็นคนมักฆ่าสัตว์มีชีวิตและมีลมปราณ (ปาณาติบาต) ฆ่าสัตว์มีชีวิต เช่น ฆ่าปลา กุ้ง ปู เป็ด ไก่ หมู เป็นต้น ฆ่าสิ่งมีลมปราณ เช่น ไข่ไก่สด ไข่เป็ดสด ไข่นกสด ไข่เต่าสด เป็นต้น

(๒) ลักทรัพย์ (อทินนาทาน) ในลักษณะโจรกรรม ๑๔ อย่าง อนุโลมโจรกรรม ๓ อย่าง และฉายาโจรกรรม ๒ อย่าง เป็นอาจิณ

(๓) ประพฤติผิดในกาม (กาเมสุมิจฉาจาร) ประพฤติผิดภรรยาผู้อื่นบ้าง ประพฤติผิดภรรยาตนบ้าง ประพฤติผิดในหญิงอื่นๆที่มีผู้อื่นหวงแหนหวงห้ามหรือปกครองอยู่บ้าง เป็นต้น

(๔) พูดเท็จ (มุสาวาท) คือ คำพูดก็ไม่พูดจริง เรื่องที่พูดก็ไม่จริง ได้แก่ พูดส่อเสียดบ้าง พูดหยาบบ้าง พูดเพ้อเจ้อบ้าง เป็นต้น

(๕) ดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม มีใจอันมลทิน คือ ความตระหนี่ครอบงำ ด่าและบริภาษสมณพราหมณ์ (พระสงฆ์) อยู่ครองเรือน แม้ภรรยาของเขา ก็เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม มีใจอันมลทิน คือ ความตระหนี่ครอบงำ ด่าและบริภาษสมณพราหมณ์ (พระสงฆ์) อยู่ครองเรือน ดูกรคหบดีและคหปตานีทั้งหลาย ! ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผี มีลักษณะอย่างนี้แล.

ศิษย์หลวงปู่

thammiga@hotmail.com

๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕