๖๘. สาเกตชาดก (ว่าด้วยวางใจคนที่ชอบใจ )

            พระบรมศาสดา ทรงปรารภพราหมณ์คนหนึ่งให้เป็นต้นเหตุ มีเรื่องมาว่าพราหมณ์ไปพบสมเด็จพระบรมศาสดาในระหว่างประตูเมืองจึงหมอบลงแทบพระบาทแล้วกราบทูลว่า ดูก่อนพ่อผู้เจริญธรรมดามารดาบิดาที่ชราแล้ว บุตรทั้งหลายต้องปฏิบัติเลี้ยงดูมิใช่หรือ เหตุไฉนพ่อจึงหายตัวไปตลอดกาลนานถึงเพียงนี้ บิดาเพิ่งได้เห็นพ่อมาในวันนี้ ขอพ่อจงไปเยี่ยมเยียนมารดาของพ่อเถิด กราบทูลดังนี้แล้วก็เชิญสมเด็จพระบรมศาสดาไปสู่เรือนของตนพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ฝ่ายนางพราหมณี เมื่อได้เห็นสมเด็จพระชินศรีสัมมาสัมพุทธเจ้าก็กราบทูลว่าบุตรของเรามาแล้ว แล้วหมอบลงแทบพระบาททั้งสองของพระศาสดาทูลรำพันว่า พ่อหายไปไหนตลอดกาลนาน ธรรมดาบิดามารดาที่ชราแล้วบุตรจะต้องปฏิบัติเลี้ยงดูมิใช่หรือ ครั้นกราบทูลอย่างนี้แล้ว จึงเรียกบุตรธิดาทั้งหลายให้ไปถวายบังคมสมเด็จพระบรมศาสดา แล้วถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธองค์เป็นประธาน เมื่อเสร็จภัตตกิจแล้วสมเด็จพระบรมศาสดาจึงโปรดประทานเทศนาชราสูตรแก่ ๒ สามีภรรยา ครั้นจบเทศนาลง ๒ สามีภรรยาก็ดำรงอยู่ในอนาคามิผล แล้วสมเด็จพระทศพลและพระภิกษุสงฆ์ก็เสด็จไปประทับอยู่ที่อัญชนวันวิหาร ภิกษุทั้งหลายจึงสนทนากันในธรรมสภาว่า เหตุไรพราหมณ์ ๒ สามีภรรยาซึ่งรู้อยู่ว่าสมเด็จพระเจ้าสุทโธทนมหาราชเป็นพระพุทธบิดา พระนางสิริมหามายาเป็นพระพุทธมารดาอยู่โดยเต็มใจ แล้วยังมาอ้างตนว่าเป็นบิดามารดาแห่งพระพุทธองค์ ฝ่ายพระพุทธองค์ก็ทรงรับสมอ้างว่าเป็นบุตรของพราหมณ์ ๒ สามีภรรยา เมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาได้ทรงสดับจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอดีตกาลล่วงมาแล้ว พราหมณ์ผู้นี้ได้เป็นบิดาของตถาคตถึง ๕๐๐ ชาติ ได้เป็นอาว์ก็ ๕๐๐ชาติ ได้เป็นลุงก็ ๕๐๐ ชาติโดยติด ๆ กัน โดยไม่มีชาติอื่นคั่น ส่วนนางพราหมณีก็ได้เป็นมารดาของเราตถาคตถึง ๕๐๐ ชาติ ได้เป็นน้าและเป็นป้าก็อย่างละ ๕๐๐ ชาติเหมือนกัน เมื่อตรัสดังนี้แล้ว จึงตรัสว่า

ยสฺมึ  มโน  นิวีสติ                   จิตฺตญฺจาปิ   ปสีทติ

อทิฏฺฐปุพฺพเก    โปเส            กมฺมํ   ตสฺมึปิ  วิสฺสเสติ

            แปลว่า ใจฝังอยู่ในบุคคลใด เลื่อมใสต่อบุคคลใด ก็ย่อมคุ้นเคยในบุคคลนั้น ถึงไม่เคยพบเห็นกันมาแต่เมื่อก่อนก็ตาม ครั้นตรัสดังนี้แล้วจึงทรงประชุมชาดกนี้ว่า พราหมณ์และนางพราหมณีในอดีตกาลนั้น ก็ได้เกิดมาเป็นพราหมณ์สองสามีภรรยาในปัจจุบันนี้ ส่วนบุตรและหลานของพราหมณ์ทั้งสองนั้น คือเราตถาคตนี้เอง ในชาดกนี้ได้ใจความว่า คนที่ไม่เคยพบเห็นกันมาแต่กาลก่อน แต่พอได้พบเห็นกันเข้าก็เกิดรักใคร่ชอบพอกันทันที เพราะความรักใคร่ชอบพอคุ้นเคยกันมาแต่ปางก่อนเป็นต้นเหตุ ดังนี้

“ใจฝังอยู่ในผู้ใด แม้จิตก็เลื่อมใสในผู้ใด เป็นคน

ที่ไม่เคยเห็นกันเลยก็วางใจในผู้นั้นได้โดยแท้.”

สาเกตชาดกจบ.