พระพุทธองค์ได้ทรงปรารภพระสุบิน ๑๖ ข้อ แห่งพระเจ้าโกศลแล้วจึงทรงแสดงต่อไปว่า
ข้อที่ ๑ มีเนื้อความว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นโคอุสุภราชดำ ๔ ตัว วิ่งมาแต่ทิศทั้ง ๔ ทำอาการเหมือนจะชนกันที่หน้าพระลานหลวง ครั้นคนทั้งปวงมาประชุมกันดูโคอุสุภราชทั้ง ๔ นั้นก็ร้องคำรามแล้วหนีออกจากกันเสีย พระเจ้าโกศลกราบทูลถามสมเด็จพระทศพลว่า ตามพระสุบินนิมิตข้อนี้จะมีเหตุผลเป็นประการใด สมเด็จพระทศพลทรงพยากรณ์แก้ไขว่า ตามพระสุบินนิมิตข้อนี้จะเกิดฝนแล้งในอนาคตกาล คือ ต่อไปในอนาคตพระราชาทั้งหลายจะไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ฝนจะไม่ตกต้องตามฤดูกาล จักมีแต่เมฆตั้งมาจากทิศทั้ง ๔ ทำอาการเหมือนฝนจะตกแล้วหายไปเสีย
ข้อที่ ๒ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นต้นไม้ แลกอไม้เล็ก ๆ สูงเพียงหนึ่งคืบบ้าง ศอกหนึ่งบ้าง ล้วนแต่ทรงดอกออกผล ข้อนี้สมเด็จพระทศพลทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปในอนาคตภายหน้า กุมารีทั้งหลายจะมีสามีและบุตรธิดาแต่ในอายุยังเยาว์
พระสุบินนิมิตข้อที่ ๓ ว่า พระเจ้าโกศลได้ทรงเห็นแม่โคกินนมลูกโค ข้อนี้พระชินศรีทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปในอนาคตภายภาคหน้า ผู้เฒ่าผู้แก่จักงอนง้อต่อคนหนุ่มสาวโดยขอพึ่งพาอาศัย
ข้อที่ ๔ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นคนทั้งหลายปล่อยโคที่มีกำลังเสีย แล้วเอาโคที่ฝึกหัดใหม่เข้ามาเทียมเกวียน โคที่ฝึกหัดใหม่ก็สลัดแอกเสียแล้วยืนอยู่ ข้อนี้สมเด็จพระบรมครูทรงทำนายว่า ต่อไปในภายภาคหน้าพระราชาผู้มีบุญญาธิการน้อยจะมิได้ตั้งอยู่ในยุติธรรม จักไม่พระราชทานยศศักดิ์แก่อำมาตย์ผู้ใหญ่ผู้ฉลาดรอบรู้ในการประเพณีกรณียกิจน้อยใหญ่ จักพอพระทัยโปรดปรานแต่อำมาตย์หนุ่ม ๆ ซึ่งไม่มีความสามารถในราชการ
ข้อที่ ๕ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นม้าตัวหนึ่งมีปาก ๒ ข้าง คนทั้งสองได้ให้กล้าข้าวเหนียวแก่ม้าตัวนั้น ๆ ก็กินกล้าข้าวเหนียวด้วยปากทั้งสองข้าง ข้อนี้ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำนายว่า ต่อไปภายภาคหน้า พระราชาทั้งหลายผู้ไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม จะตั้งคนโลเลให้เป็นผู้พิพากษา ผู้พิพากษานั้นจะเรียกสินบนจากคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้วชำระความตามใจของตน
ข้อที่ ๖ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นมหาชนนำถาดทองเข้าไปให้สุนัขจิ้งจอกชราตัวหนึ่งถ่ายอุจจาระปัสสาวะลงใส่ ข้อนี้สมเด็จพระจอมไตรตรัสว่า ต่อไปภายภาคหน้ากษัตริย์ทั้งหลายจะไม่ตั้งอยู่ในธรรม จักไม่พระราชทานยศศักดิ์แก่กุลบุตรผู้สมบูรณ์ด้วยชาติตระกูล จักพระราชทานให้แก่กุลบุตรที่มีตระกูลต่ำช้าเลวทราม ผู้มีตระกูลสูงทั้งหลายจะพากันยกธิดาของตนให้แก่กุลบุตรผู้ต่ำช้า ซึ่งได้รับพระราชทานยศศักดิ์นั้นด้วยคิดจักพึ่งพาอาศัย
ข้อที่ ๗ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นบุรุษผู้หนึ่ง นั่งฟั่นเชือกเกลียวหนังอยู่บนตั่งแห่งหนึ่งหย่อนปลายเชือกลงไปใต้ตั่ง ยังมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งมาคอยกัดกินแต่บุรุษนั้นหารู้ไม่เชือกหนังนั้นก็หมดไปโดยลำดับ ข้อนี้สมเด็จพระชินศรีทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปภายภาคหน้าสตรีทั้งหลายจักเป็นคนเหลาะแหละในบุรุษ จักลอบลักเอาทรัพย์ของสามีไปบำรุงชายชู้
ข้อที่ ๘ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นกระออมน้ำใบใหญ่ใบหนึ่ง เต็มไปด้วยน้ำมีโอ่งเปล่าเป็นอันมากตั้งล้อมกระออมนั้นอยู่ มีคน ๔ จำพวกนำหม้อน้ำไปตักน้ำมาแต่ทิศทั้ง ๔ เทลงไปในกระออมใบนั้นให้เต็มล้นไหลไปมิได้ขาด แต่โอ่งเปล่านั้นไม่มีใครเหลียวแลดู ข้อนี้พระสัพพัญญูเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปภายภาคหน้าพระมหากษัตริย์องค์ใดเป็นใหญ่กว่ากษัตริย์ทั้งปวง พระมหากษัตริย์พระองค์นั้น จักเป็นที่ยำเกรงแก่คนทั้งหลาย ๆ จักพร้อมกันนำส่วยสาอากรไปถวายแก่พระราชาองค์นั้นเฉพาะพระองค์เดียวมิได้เหลียวแลถึงพระราชาองค์อื่น
ข้อที่ ๙ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นสระโบกขรณีแห่งหนึ่งดารดาษไปด้วยปทุมชาติ ๕ ประการ มีท่าขึ้นลงรอบข้าง สัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้าได้พากันลงดื่มน้ำในสระนั้นโดยรอบจนน้ำขุ่นไปทั้งสระ แต่ริมฝั่งสระที่สัตว์ทั้งหลายเหยียบย่ำลงไปกลับใสสะอาดปราศจากขุ่นมัว ข้อนี้สมเด็จพระมุนีโลกนาถได้ทรงประกาศว่า ในภายภาคหน้า พระราชาทั้งหลายจักไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม จักพอพระทัยแต่ในสินบนแห่งประชาชน จักไม่มีขันติและเมตตาแก่ประชาชน จักบีบคั้นแก่ประชาชนด้วยส่วยสาอากรต่าง ๆ จนประชาชนซึ่งอยู่ในเมืองหลวง และในที่ใกล้เมืองหลวงได้พากันหนีไปอาศัยอยู่ปลายเขตแดน
ข้อที่ ๑๐ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นข้าวที่บุคคลหุงไม่สุก ในหม้อใบเดียวกัน ข้าวในหม้อแต่ละเม็ดได้ต่างกันเป็น ๓ อย่าง คือ ข้างหนึ่งดิบ ข้างหนึ่งเปียก ข้างหนึ่งพอเป็นท้องเลน ข้อนี้สมเด็จชิเนนทรศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปในภายหน้าพระราชาทั้งหลายจักไม่ตั้งอยู่ ในยุติธรรม ตลอดถึงประชาชนทั้งหลายด้วยฝนก็จักตกไม่เสมอกันทั่วทุกแห่งหน จักเกิดฝนแล้งข้าวแพงในสถานที่ต่าง ๆ
ข้อที่ ๑๑ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นคนทั้งหลายเอาแก่นจันทน์อันมีค่าแสนตำลึงไปแลกกับเปรียงเน่า คือนมโคที่แรมคืนจนบูด ข้อนี้พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ต่อไปภายภาคหน้าภิกษุพวกอลัชชี ซึ่งมีความโลภในปัจจัย ๔ จักนำเอาธรรมไปแสดงแลกลาภสักการะของคนทั้งหลาย
ข้อที่ ๑๒ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นน้ำเต้าเปล่าจมลงไปในน้ำ ข้อนี้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ต่อไปภายภาคหน้าพระราชาทั้งหลายจะไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรมจักไม่พระราชทานยศศักดิ์แก่กุลบุตรทั้งหลายผู้มีตระกูลสูง จักกลับยกย่องกุลบุตรผู้มีตระกูลต่ำให้เชิดหน้าชูตา อีกประการหนึ่ง ภิกษุอลัชชีจักขึ้นหน้าขึ้นตาด้วยมีลาภสักการะยิ่งกว่าภิกษุผู้เป็นลัชชี ซึ่งมีความละอายต่อบาปทุจริต
ข้อที่ ๑๓ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นศิลาก้อนใหญ่ฟูขึ้นเหมือนกับสำเภา ข้อนี้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า กุลบุตรผู้มีตระกูลต่ำจะเฟื่องฟูขึ้นด้วยยศศักดิ์สมบัติ ภิกษุผู้ไม่มีศีลจะเฟื่องฟูขึ้นด้วยลาภสักการะในภายหน้า
ข้อที่ ๑๔ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นนางเขียดตัวหนึ่งไล่งูเห่าตัวใหญ่ไปโดยรวดเร็ว ครั้นทันเข้าแล้วก็กัดกินเนื้องูเห่าเหมือนกับก้านบัวฉะนั้น ข้อนี้มีพระพุทธฎีกาพยากรณ์ว่า ต่อไปภายภาคหน้าคนทั้งหลายจักมัวเมาไปด้วยความรักใคร่ในเบญจกามคุณ ชายแก่จักหลงภรรยาสาว ภรรยาสาวจักข่มขี่ข่มเหงสามีของตนประดุจหนึ่งว่าทาส
ข้อที่ ๑๕ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นพญาหงส์ทองยอมเป็นบริวารแห่งกา ข้อนี้มีพระพุทธฎีกาพยากรณ์ว่า ต่อไปภายภาคหน้ากษัตริย์ทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในศิลปศาสตร์ต่าง ๆ จักไม่แกล้วกล้าในการสงคราม จักถึงความวิบัติแห่งราชสมบัติจักไม่พระราชทานอิสริยยศแก่กุลบุตรผู้มีชาติเสมอกัน จักพระราชทานอิสริยยศแก่กุลบุตรผู้ต่ำช้า ซึ่งเป็นข้าเฝ้าของพระองค์ ฝ่ายกุลบุตรผู้มีตระกูลสูงจะต้องเป็นบริวารของผู้มีตระกูลต่ำ
ข้อที่ ๑๖ ว่า พระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นแพะไล่เสือเหลือง ข้อนี้มีพระพุทธฎีกาพยากรณ์ว่า ต่อไปภายภาคหน้ากุลบุตรผู้มีตระกูลต่ำ จักได้เป็นใหญ่กว่าผู้มีตะกูลสูง จักทูลยุยงให้พระราชาลุกไล่เอาที่ไร่ที่นาของกุลบุตรทั้งหลายผู้มีตระกูลสูง ภิกษุผู้ชั่วช้าลามก จักเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีลทั้งหลาย เมื่อภิกษุผู้มีศีลทั้งหลายไม่ได้ที่พึ่ง คือ พระมหากษัตริย์แล้วจักพากันหนีไปสู่ป่า
เมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ทรงพยากรณ์พระสุบินนิมิต ๑๖ ข้อของพระเจ้าโกศลดังนี้แล้ว จึงทรงเล่าเรื่องในอดีตว่า ดูก่อนมหาบพิตร ในครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี ในครั้งนั้นพระองค์ทรงพระสุบินนิมิตครบทั้ง ๑๖ ประการ แล้วตรัสถามพราหมณ์ปุโรหิตาจารย์ทั้งหลาย ๆ ได้กราบทูลแนะนำให้ฆ่าสัตว์บูชายัญ มีพราหมณ์คนหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของพราหมณ์ปุโรหิตาจารย์นั้นได้ไต่ถามขึ้นว่าข้าแต่ท่านอาจารย์ ท่านได้สอนไว้ว่า ผู้ที่เรียนไตรเพทแล้วไปฆ่าคนหรือสัตว์ย่อมไม่เป็นสวัสดิมงคลมิใช่หรือ อาจารย์จึงตอบว่าทรัพย์เป็นอันมากจักเกิดแก่เราด้วยอุบายที่จะให้พระราชาบูชายัญนี้ ส่วนเจ้าประสงค์จะรักษาทรัพย์ของพระราชาไว้หรือ พราหมณ์ผู้เป็นศิษย์จึงตอบว่า ถ้าอย่างนั้นขออาจารย์จงทำตามชอบใจเถิดข้าพเจ้าจักทำตามท่านอาจารย์ไม่ได้ ครั้นกล่าวดังนี้แล้วก็หนีจากอาจารย์ไปอยู่ในพระราชอุทยาน ในเวลานั้นมีดาบสตนหนึ่งทราบเหตุการณ์ดังนั้นจึงดำริว่า ถ้าเราไปในกรุงพาราณสีวันนี้ คนและสัตว์ทั้งหลายก็จักพ้นจากเครื่องจองจำและการถูกฆ่าฟัน ครั้นดำริแล้วก็เหาะมาสู่พระราชอุทยาน แล้วนั่งอยู่ที่มงคลศิลา คือแท่นหินอันเป็นที่ประทับของพระเจ้าพาราณสี ส่วนมาณพผู้เป็นศิษย์ของพราหมณ์นั้นก็เข้าไปหาดาบสนั้นแล้ว ต่างก็ปราศรัยไต่ถามกันตามสมควรแก่คนที่แรกรู้จักกัน แล้วมาณพจึงชี้แจงเรื่องพระเจ้าพาราณสีทรงพระสุบินนิมิตและพวกพราหมณ์ทำนายว่า จักมีอันตรายให้ฤๅษีทราบ ฤๅษีจึงกล่าวว่าถ้าพระเจ้าพาราณสีมาหาเราเวลาใด เราก็จักทำนายพระสุบินนิมิตให้ทรงทราบในเวลานั้น มาณพนั้นจึงกลับออกไปกราบทูลพระเจ้าพาราณสี ๆ ก็เสด็จออกไปสู่พระราชอุทยานทรงเล่าพระสุบินนิมิตทั้ง ๑๖ ประการให้ฤๅษีฟังฤๅษีจึงถวายพระพรทำนายเหมือนอย่างที่วิสัชนามาแล้ว เมื่อพระเจ้ากรุงพาราณสีได้ทรงสดับก็หายพระวิตกโปรดให้ปล่อยคนและสัตว์ทั้งหลายออกจากเครื่องจองจำ แล้วฤๅษีจึงเหาะขึ้นสู่อากาศถวายโอวาทแด่บรมกษัตริย์ให้ดำรงอยู่ในเบญจศีล และแสดงธรรมเทศนาถวายให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แล้วก็เหาะไปสู่ป่าหิมพานต์ ครั้นแสดงเรื่องอดีตดังนี้แล้วจึงทรงประชุมชาดกว่า พระเจ้าพาราณสีในครั้งนั้น ได้มาเกิดเป็นพระอานนท์ในบัดนี้ มาณพผู้เป็นศิษย์ของพราหมณ์ได้มาเกิดเป็นพระสารีบุตร ส่วนฤๅษีได้มาเกิดเป็นเราตถาคตนี้แล ดังนี้
“หม่อมแนได้ฝันเห็นโคอุสุภราช ๑ ต้นไม้ ๑ แม่โค ๑ โค
สามัญ ๑ ม้า ๑ ถาดทองคำ ๑ สุนัขจิ้งจอก ๑ หม้อน้ำ ๑ สระ
โบกขรณี ๑ ข้าวสารที่หุงไม่สุก ๑ แก่นจันทน์ ๑ น้ำเต้าจมน้ำ ๑
หินลอยน้ำ ๑ นางเขียดกลืนกินงูเห่า ๑ หงส์ทองแวดล้อมกา ๑
เสือกลัวแพะ ๑ ดังนี้ ปริยายอันผิดจะเป็นไปในยุคนี้ ยังไม่สำเร็จ. “
มหาสุบินชาดกจบ .
……………………………………………………………………..